ต้นทุนการผลิต
การแข่งขันที่สูงและรุนแรงในสภาพการตลาดในปัจุบัน
ส่งผลให้ทุกองค์กรมีการดำเนินกิจกรรมต่าง
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขัน. ในอุตสาหกรรมการผลิตก็เช่นเดียวกัน คู่แข่งที่นับวันจะมากขึ้นทุกวันต่างงัดกลยุทธฺออกมาต่อสู้กัน
ที่เห็นจะมากที่สุดก็คงจะเป็นเรื่องของราคาขายที่ถูกกว่า
ซึ่งเป็นการตอบสนองที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าที่ต้องการสินค้าที่มีราคาถูก.
แต่การที่จะมามาซึ่งสินค้าที่มีราคาถูกนั้น
องค์ประกอบหลักของทางผู้ผลิต คือ ต้นทุนการผลิต. ที่ต้องทำให้ต่ำที่สุดโดยที่คุณภาพและคุณค่าในการใช้งานยังคงอยู่ภายใต้การยอมรับของลูกค้า
1.ความหมายของต้นทุนการผลิต
ต้นทุน(cost) หมายถึง ค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ
ต้นทุนการผลิต(production
cost) หมายถึง
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจกรรมทางการผลิตเพื่อให้ได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ดี มีคุณภาพ ตามความต้องการของลูกค้า
2.องค์ประกอบของต้นทุนการผลิต
ต้นทุนการผลิต ประกอบด้วย
2.1 ต้นทุนด้านวัสดุ (material cost)
เป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับวัสดุ, อุปกรณ์, เครื่องมือ ที่ใช้ในการผลิตทั้งทางตรงและทางอ้อม ดังนี้
2.1.1 วัสดุทางตรง (direct material cost) คือ วัสดุหรือวัตถุดิบที่ใช้เพื่อการผลิตโดยตรง
โดยส่วนมากมักจะเป็นส่วนประกอบหนึ่งของผลิตภัณฑ์ เช่น ยางรถยนต์มียางเป็นวัตถุดิบทางตรง,
ปากกา มี พลาสติกและหมึกเป็นวัตถุดิบทางตรง เป็นต้น จำนวนในการใช้งานวัสดุ/วัตถุดิบทางตรงนี้จะแปรผันกับหน่วยในการผลิตโดยตรง.
2.1.2 วัสดุทางอ้อม
(indirect material cost) เช่น วัสดุ, เครื่องมือ, อุปกรณ์
ที่ใช้สนับสนุนในการผลิตโดยส่วนมากจะไม่แปรผันกับปริมาณการผลิตโดยตรง เช่น
กระดาษทราย, ผ้าเช็ดมือ, กาว, ตะปู เป็นต้น.
ในบางครั้งวัสดุทางอ้อมก็อาจถูกจัดให้อยู่ในหมวดหมู่ของวัสดุทางตรงก็เป็นได้
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายทางการบัญชีของแต่ละองค์กร เช่น
มีดกลึงสำหรับเครื่องจักรซีเอ็นซี ซึ่งเป็นวัถุดิบทางอ้อม
สามารถถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มของวัตถุดิบทางตรงก็ได้
อาจเนื่องจากเหตุผลด้านราคาที่สูงและสามารถคำนวณอายุการใช้งานต่อจำนวนชิ้นงานที่ทำการผลิตได้
(tool life) ถึงแม้ว่ามีดกลึงจะไม่ได้ถูกประกอบไปกับชิ้นงานก็ตาม.
2.2 ต้นทุนด้านแรงงาน (labor cost)
เป็นค่าใช้จ่ายด้านแรงงานในการทำงานและผลิตสินสินค้าเพื่อให้เกิดผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป
สามารถแบ่งออกได้คล้ายๆ กับต้นทุนวัตถุ คือค่าใช้จ่ายด้านแรงงานทางตรง
และค่าจ่ายด้านแรงงานทางอ้อม ดังนี้
2.2.1 ค่าใช้จ่ายด้านแรงงานทางตรง
(direct labor cost) เช่น
ค่าจ้ารายวัน/เงินเดือนของพนักงานฝ่ายผลิต,ซึ่งจะแปรผันกับปริมาณการผลิตโดยตรง.
2.2.2 ค่าใช้จ่ายด้านแรงงานทางอ้อม
(indirect labor cost)
เช่น เงินเดือนของพนักงานขาย, เงินเดือนของผู้จัดการ, เงินดือนของวิศวกร
ค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะไม่แปรผันกับปริมาณในการผลิตโดยตรง
2.3ค่าใช้จ่ายโรงงานหรือค่าโสหุ้ยในการผลิต (overhead cost)
เป็นค่าใช้จ่ายที่นอกเหนือจากจากค่าใช้จ่ายของวัสดุและค่าใช้จ่ายด้านแรงงาน เช่น ค่าสาธารณูปโภค, ค่าเช่าโรงงาน, ค่าบำรุงรักษาเครื่องจักร, สวัสดิการต่างๆ เป็นต้น3. การคำนวณต้นทุนการผลิต
ต้นทุนการผลิต สามารถคำนวณได้ดังนี้
ต้นทุนการผลิต
= ต้นทุนวัสดุ + ต้นทุนแรงงาน + ค่าโสหุ้ย
4. การวิเคราะห์ต้นทุนการผลิต
การวิเคราะห์ต้นทุนการผลิต
เป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก เป็นการรวบรวม, แจกแจง,
วิเคราะห์และรายงานค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในส่วนของต้นทุนต่างๆ
ของการผลิตเพื่อประโยช์ต่อการบริหารงานและการดำเนินนโยบายของฝ่ายบริหาร.
วัตถุประสงค์ของการวิเคราะห์ต้นทุนการผลิตมีดังนี้
- เพื่อกำหนดหาต้นทุนการผลิตที่ใกล้เคียงที่สุด : โดยปกติแล้วต้นทุนการผลิตที่ได้จากการคำนวณจะมีการคลาดเคลื่อนเนื่องจากหลายๆ ปัจจัยในการผลิต เช่น งานเสียต้องผลิตซ้ำทำให้ต้นทุนต่อหน่วยเพิ่มเป็นสองเท่า, กระบวนการผลิตที่ขาดประสิทธิภาพให้กระบวนการผลิตล่าช้า ส่งผลให้สิ้นเปลืองทรัพยากรนโรงงานเพิ่มขึ้น ต้นทุนแรงงานเพิ่มขึ้น. การวิเคราะห์ต้นทุนการผลิตจะทำให้ทราบถึงจุดที่มีต้นทุนการผลิตที่สูง-ต่ำ รวมถึงสาเหตุและทีมาที่ทำให้ต้นทุนการผลิตที่สูงได้
- การควบคุมและลดต้นทุนการผลิต : เมื่อทราบสาเหตุที่ทำให้เกิดต้นทุนการผลิตที่สูงทำให้เราสามารถหามาตรฐานแก้ไขปรับปรุงเพื่อให้ต้นทุนการผลิตลดลงได้.
- เพื่อตัดสินใจและวางแผนงานต่างๆ : เช่น เมื่อทราบปัญหาที่ทำให้เกิดต้นทุนการผลิตที่สูง และหลังจากที่ได้มีการกำหนดมาตรฐานในการลดต้นทุนการผลิต ทำให้สามารถประมาณการต้นทุนการผลิตและราคาขายที่ต่ำลงมาได้ ทำให้สามารถเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในด้านราคาได้
- เพื่อกำหนดกำไรและฐานะทางการเงินของกิจการ : การวิเคราะห์ต้นทุนการผลิตจะทำให้สามารถประมาณการต้นทุนการผลิตที่แม่นยำ ซึ่งจะทำให้ผู้บริหารสามารถประมาณการผลประกอบการและกำไรของกิจการได้
- เพื่อเป็นข้อมูลในการประเมินผลและควบคุมการบริหารงาน : สามารถนำผลการวิเคราะห์ต้นทุนการผลิตมาประเมินผลงานทั้งประสิทธิภาพส่วนของบุคลากรที่ดำเนินงานและผังการบริหารองค์(organization) เพื่อการปรับปรุงและปรับเปลี่ยนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
5. วิธีการลดต้นทุนการผลิต
วิธีการและแนวทางในการลดต้นทุนการผลิตที่นิยมใช้กันมากและแพร่หลาย
คือ การลดความสูญเสีย 7 ประการ คือ
1) ความสูญเสียจากการผลิตมากเกินความจำเป็น (over production)
การผลิตที่มากเกินความจำเป็นหรือความต้องการของกค้า ถ้าพูดตามภาษาชาวบ้านก็คือ ผลิตแล้วยังขายไม่ได้นั่นเอง. ส่วนที่ผลิตเกินจากความต้องการ ส่งผลให้เกิดความสูญเสียทั้งด้านค่าจ่ายในการจัดเก็บและควบคุมวัตถุดิบ/ผลิตภัณฑ์ระหว่างกระบวนการ WIP/ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป , ต้นทุนแรงงานโดยเฉพาะการทำงานล่วงเวลา.
สาเหตุที่ทำให้มีการผลิตมากเกินความจำเป็น
- ประมาณการความต้องการผลิตภัณฑ์ของลูกค่าคลาดเคลื่อนของฝ่ายขาย
- การวางแผนการผลิตที่ขาดประสิทธิภาพ
- มีปัจจัยใหม่ที่ไม่คาดคิดมาส่งผลกระทบต่อปริมาณความต้องการของลูกค้า
แนวทางในการลดต้นทุนที่เกิดจากการผลิตมากเกินความจำเป็น
- ฝ่ายขายต้องคอยอัพเดตและวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อปริมาณการสั่งซื้อของลูกค้าอยู่เสมอเพื่อเพิ่มความแม่นยำของประมาณการขาย
- ฝ่ายวางแผนการผลิตต้องมีการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับฝ่ายขายเพื่อนำข้อมูลที่มีการอัพเดตความต้องการของลูกค้ามาใช้ในการวางแผนการผลิต
2) ความสูญเสียจาการรอคอย(Waiting)
การรอคอยเป็นกระบวนการที่ไม่ก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์และมูลค่า เช่น วัตถุดิบขาดสต๊อกทำให้กระบวนการผลิตเกิดการรอคอย เสียโอกาส เสียทั้งค่าแรงของพนักงาน. กระบวนการผลิตที่ไม่ต่อเนื่อทำให้เกิดการรอคอยในการผลิต เช่นเดียวกัน
สาเหตุที่ทำให้เกิดการรอคอย
- วัตถุดิบไม่เพียงพอให้ให้รอการผลิต
- เครื่องจักรเสียให้ต้องหยุดการผลิต
- กระบวนการผลิตไม่สมดุล
- เกิดอุบัติเหตุในการผลิต
แนวทางในการลดต้นทุนที่เกิดจากการรอคอย
- มีการทบทวน safety stock-MOQ(minimum order quantity) และปรับปรุงให้เหมาะสม ช่วยลดการขาดสต๊อกของวัตถุดิบ
- จัดทำแผนการบำรุงรักษาเครื่องจักร (preventive maintenance) เพื่อลดการหยุดการผลิตที่เกิดจากเครื่องจักรเสีย(machine break down)
- มีการวิเคราะห์กระบวนการ จัดทำเวลามาตรฐาน(standard time) ให้ทันสมัยอยู่เสมอ เพื่อช่วยในการวางแผนการผลิตให้เกิดความสมดุลในแต่ละกระบวนการมากที่สุด
- จัดหาอุปกรณ์ป้องกันภัยทั้งในเครื่องจักรและอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล, มีแผนและดำเนินการอบรมด้านความปลอดภัยให้กับพนักงาน, มีป้ายเตือนต่างๆ เพื่อลดอุบัติเหตุที่เกิดจากการทำงาน
3) ความสูญเสียจากการขนส่ง(Transportation)
การวางผังโรงงาน(plant layout) และลำดับของกระบวนการ(process priority) มีผลโดยตรงต่อการขนส่งระหว่างกระบวนการเป็นการอย่างมาก การขนส่งที่มีระยะทางมากและซ้ำซ้อนส่งผลให้เกิดต้นทุนเพิ่มขึ้นเช่น ค่าแรงของพนักงานขับรถโฟลค์ลิฟท์, ค่านำมัน, ค่าเสียกาส เป็นต้น
สาเหตุของความสูญเสียจากการขนส่ง
- วางผังโรงงานที่ขาดประสิทธิภาพ
- วางแผนกระบวนการที่ขาดประสิทธิภาพ
การลดต้นทุนการผลิตที่เกิดจากการขนส่ง
- ทำการปรับผังกระบวนการผลิตและผังโรงงานโดยคำนึงถึงความต่อเนื่อง, ความสมดุลของกระบวนการ, การเคลื่อนไหว เป็นหลัก ซึ่งโดยส่วนมากจะมีข้อจำกัดค่อนข้างมากโดยเฉพาะโรงงานที่มีเครื่องจักรขนาดใหญ่ ซึ่งการเคลื่อน้ายทำได้ยากและเกิดต้นทุนสูง. *การปรับปรุงผังกระบวนการและผังโรงงานควรมีการประชุมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องและพิจารณาอย่างรอบคอบเนื่องจากต้นทุนในการปรับเปลี่ยนอาจสูงกว่าต้นทุนการผลิตที่ลดลง
4) ความสูญเสียจากการเก็บวัสดุคงคลังมากเกินไป(Excess Inventory)
การเก็บวัสดุคงคลังมากเกินไป ทำให้เกิดค่าเสียโอกาสในการขาย, ค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บละควบคุมวัสดุคงคลังทั้งวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป
สาเหตุของของสูญเสียจากการเก็บวัสดุคงคลังมากเกิน
- เป็นผลมากจากการผลิตที่มากเกิน
- จำนวนจัดเก็บเพื่อความปลอดภัย(minimum stock/safety stock) และ ปริมาณการสั่งซื้อขั้นต่ำ(minimum order quantity:MOQ) ไม่เหมาะสม
- การวางแผนการผลิตที่คลาดเคลื่อน
การลดต้นทุนที่เกิดจากการจัดเก็บวัสดุคงคลังมากเกินไป
- ทบทวน Minimum Stock และ Safety Stock
- ทบทวนแผนการผลิต
5) ความสูญเสียที่เกิดจากงานเสีย(Defect)
การผลิตงานเสียก่อให้เกิดการสูญเสียคือ ค่าใช้จ่ายในการผลิตภัณฑ์ซ้ำหรือแก้ไข ซึ่งรวมถึง วัตถุดิบ, ค่าแรง, ค่าสาธารณูปโภค และอื่นๆ เพิ่มขึ้นมาโดยที่ได้ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปเท่าเดิม
สาเหตุของความสูญเสียจากงานเสีย
- พนักงานขาดทักษะ
- ประมาท เลินเล่อ
- วิธีการทำงานไม่เหมาะสม
- วัตถุดิบไม่มีคุณภาพ
- เครื่องจักรประสิทธิภาพต่ำ
- เร่งรีบจนเกินไป
การลดต้นทุนที่เกิดจากงานเสีย
โดยปกติแล้วงานเสียที่เกิดในกระบวนการผลิตทางหน่วยงานด้านคุณภาพจะเข้ามาวิเคราะห์ร่วมกันกับฝ่ายผลิตเพื่อสาเหตุของงานเสียหรืองานที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนด
โดยหามาตรฐานในการแก้ไขและป้องกันอยู่แล้ว
6) ความสูญเสียที่เกิดจาการเคลื่อนไหวมากเกินไป(Excess Motion)
การเคลื่อนไหวที่เกิดเกินความจำเป็นส่งผลให้ระยะเวลาในการทำงานนานขึ้น ค่าใช้จ่าย อื่นๆ ก็จะตามมาเช่น ค่าแรงงาน, ค่าสาธารณูปโภค เป็นต้น
สาเหตุของการสูญเสียที่เกิดจากการเคลื่อนไหวมากเกินไป
- วิธีการทำงานที่ขาดประสิทธิภาพ
- ทักษะของพนักงานไม่เพียงพอ
- ผังของกระบวนการไม่เหมาะสม
การลดต้นทุนการผลิตที่เกิดจากเคลื่อนไหวมากเกินไป
- ใช้หลักการของ work study เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์ แก้ไข และปรับปรุง
- ฝึกอบรมด้านทักษษะให้กับพนักงาน
- จัดทำวิธีการทำงานที่เป็นมาตหรฐาน
7) ความสูญเสียของกระบวนการที่ไม่ก่อให้เกิดคุณค่าหรือผลิตภัณฑ์ (Non-Value Added Processing)
คือ กระบวนการส่วนเกิน ไม่มีกระบวนการนี้ก็สามารถผลิตผลิตภัณฑ์ได้
สาเหตุของความสูญเสียที่เกิดจากกระบวนการที่ไม่ก่อให้เกิดมูลค่า
- ขาดความรู้ความเข้าใจในกระบวนอย่างแท้จริง
- ยึดติดกับวิธีการเก่าที่ทำต่อเนื่องกันมา เลยทำให้อยากที่จะเปลี่ยนแปลง
- ขาดการวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ
การลดต้นทุนการผลิตที่เกิดจากกระบวนการที่ไม่ก่อให้เกิดมูลค่า
- มีการวิเคราะห์และศึกษากระบวนการอย่างเป็นระบบ
- ใช้หลักการของวิศวกรรมคุณค่า (Value Engineering) เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์
- ยอมรับแนวคิดใหม่ โดยอาจให้เหตุผลกับพนักงานว่า วิธีการเก่าไม่ใช่วิธีการที่ผิด และวิธีการใหม่ๆ เป็นการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการ ช่วยให้ทพงานง่ายขึ้น
บทความมีประโยช์มากเลยค่ะ ขอนำไปประกอบรายงานนะค่ะ และขอสอบถามชื่อแอดมินได้ไหมค่ะจะได้เป็นการให้เกียรติแอดมินด้วยอ่าค่ะ ^^ขอบคุณค่า
ReplyDeleteวัตถุประสงค์ของการดำเนินธุรกิจ คือ การแสวงหาผลกำไร อันเกิดจากการดำเนินธุรกิจนั้น แต่ในบางครั้งการดำเนินธุรกิจยังมีวัตถุประสงค์อื่นที่ดีกว่า นอกเหนือจากการหาผลกำไรเพียงอย่างเดียว ทั้งนี้นักวิชาการสมัยก่อนและในปัจจุบันเองก็ยังหาคำตอบที่แท้จริงได้
ReplyDeleteสติ๊กเกอร์ไลน์ ชิ้นส่วนมาตรฐาน
ReplyDeleteสกรูและสลักเกลียวในงานวิศวกรรม
https://store.line.me/stickershop/product/16456268
แหวนล๊อคในงานวิศวกรรม
https://store.line.me/stickershop/product/16425794
แหวนรองในงานวิศวกรรม
https://store.line.me/stickershop/product/16425165
น๊อตในงานวิศวกรรม
https://store.line.me/stickershop/product/16400172