การวางแผนการผลิต
(Production Planning)
การวางแผนการผลิต
เป็นการวางแผนในการจัดการปัจจัยการผลิตต่างๆ เช่น แรงงาน เครื่องจักร วัตถุดิบ
กระบวนการผลิต หรือ 4M (Man, Machine, Machine, Method) เพื่อให้ผลการผลิตบรรลุตามเป้าหมายที่ถูกกำหนดไว้โดยความต้องการของลูกค้า
(Customer Demand) ซึ่งความต้องการของลูกค้านั้นอาจเกิดจากการสั่งซื้อจริงที่เกิดขึ้นแล้ว
และการพยากรณ์ความต้องการที่จะซื้อสินค้าในอนาคตตามช่วงเสลาต่างๆ.
การวางแผนการผลิตมีทั้งแผนการผลิตระยะสั้น
และแผนการผลิตระยะยาว โดยแผนการผลิตในระยะยาวส่วนมากจะเป็นไปในลักษณะของการลงทุนเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต
เช่น การวางแผนการสร้างหรือการขยายโรงงาน, การซื้อเครื่องจักร,
การวางแผนด้านบุคลากร แผนการผลิตในระยะยาวนี้ส่วนมากจะมีระยะเวลาเกิน 1 ปีขึ้นไป
(ประมาณ 3 – 5 ปี) โดยจะเน้นไปที่การเพิ่มกำลังการผลิตและการขยายกิจการ.
ส่วนแผนการผลิตในระยะสั้น
จะเป็นการวางแผนการผลิตตามช่วงเวลาต่างๆ ภายใน 12 เดือน เช่น แผนการผลิตประจำวัน,
แผนการผลิตประจำสัปดาห์, แผนการผลิตประจำเดือน, แผนการผลิตประจำปี เป็นต้น.
การวางแผนการผลิตระยะสั้นนี้จะมีการกำหนดเป้าหมายที่จัดเจน
ซึ่งเป้าหมายนี้จะถูกคำนวณจากกำลังการผลิตที่มีอยู่.
การวางแผนการผลิตจะทำควบคู่ไปกับการควบคุมการผลิตเพื่อที่จะเผ้าติดตามและควบคุมสถานะและระดับของการผลิตให้ยังคงอยู่ในแผนการทำผลิตตามระยะเวลา.
ชนิดของการวางแผนการผลิต
ชนิดของแผนการผลิตะจะถูกปรับเปลี่ยนตามลักษณะของการผลิตและผลิตภัณฑ์
โดยทั่วไปจะแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
1.แผนการผลิตตามคำสั่ง
(Job Order Production Planning)
แผนการผลิตแบบตามสั่ง
ผลิตภัณฑ์มักจะมีความหลากหลายชนิด มีจำนวนการผลิตต่อครั้งน้อย
ดังนั้นเครื่องจักรที่จะทำการผลิตต้องมีความยืดหยุ่นสูง
สามารถแปรรูปผลิตภัณฑ์ได้หลากหลายขวนการการ เช่น เครื่องกลึง CNC, เครื่อง Machining Center เป็นต้น รวมถึงวิธีการการผลิตต้องอาศัยทักษะของผู้ปฏิบัติงานที่สูงด้วยเช่นกัน
เนื่องจากหลายๆ ครั้งที่พบว่าเป็นงาน Special
ที่ไม่ค่อยมีการผลิตและมีการเปลี่ยนแปลงการออกแบบใหม่ๆ
อยู่เสมอ.
การวางแผนการผลิตแบบตามสั่งนี้ความยากจะอยู่ที่กระบวนการผลิตที่ค่อนข้างซับซ้อนและระยะเวลาในการผลิตที่ไม่ค่อยแน่นอน
บางครั้งผลิตภัณฑ์ 1 ชิ้น ต้องระยะเวลาในการผลิตหลายๆ วันหรือเป็นเดือน
แต่ก็มีข้อดีคือชิ้นงานค่อนข้างที่จะมีราคาสูง ถ้าสามารถผลิตชิ้นงานได้เสร็จทันตามกำหนดเวลาตามที่วางแผนไว้ไม่มีงานเสียเกิดขึ้นผลกำไรที่ตามมาค่อนข้างที่จะสูงด้วยเช่นกัน.
การวางแผนการผลิตแบบตามสั่งที่แม่นยำนั้นควรจะต้องได้รับความร่วมมือจากหลายๆ
ฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะหน่วยงานด้านเทคนิคและวิศวกรรมเพราะเป็นงานที่ต้องอาศัยทักษะอย่างมากในการผลิต.
ตัวอย่างงานผลิตตามใบสั่ง
เช่น แม่พิมพ์, งานซ่อมบำรุง เป็นต้น.
2.แผนการผลิตแบบต่อเนื่องหรือจำนวนมาก (Mass Production Planning)
การวางแผนการผลิตแบบต่อเนื่องหรือการผลิตแบบจำนวนมาก
มีการนำมาใช้หลากหลายในปัจจุบัน มีจำนวนสินค้าน้อยชนิดแต่ผลิตครั้งละจำนวนมากๆ
มีลักษณะความต้องการที่ที่แน่นอนตามแนวโน้มซึ่งต้องอาศัยการพยากรณ์ที่แม่นยำด้วยเช่นกัน.
โดยส่วนมากแล้วการผลิตแบบต่อเนื่องนี้จะมีการวางแผนการผลิตเพื่อเก็บเป็นสต็อกเพื่อจำหน่ายให้กับลูกค้าตามแผนการส่งมอบต่อไป.
เครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตแบบต่อเนื่องหรือจำนวนมากนั้นจะใช้เครื่องจักรเฉพาะทางซึ่งสามารถผลิตได้ครั้งละจำนวนมากๆ
คุณภาพแม่นยำ แต่ทั้งนี้ต้องพิจารณาถึงการลงทุนอย่างรอบรอบเนื่องจากเครื่องจักรมีราคาแพง
ส่วนแรงงานก็จะขึ้นอยู่กับลักษณะของผลิตภัณฑ์และสายการผลิต บางสายการผลิตก็จะใช้เครื่องจักรอัตโนมัติเป็นส่วนมากทำให้ใช้แรงงานน้อยอาจจะเหลือเฉพาะผู้ควบคุมเครื่องจักร,
พนักตรวจสอบคุณภาพเป็นต้น. บางสายการผลิตที่ต้องอาศัยฝีมือแรงงานเป็นหลัก เช่น
สายงานประกอบที่ต้องอาศัยความประณีตของฝีมือ ก็อาจจะต้องใช้แรงงานจำนวนมากด้วยเช่นกันขึ้นอยู่กับแผนการผลิตในการจัดสรรปัจจัยด้านแรงงาน.
ความสำคัญของการจัดการสายการผลิตแบบต่อเนื่องก็คือ
การจัดความสมดุลของแต่ละหน่วยผลิต ต้องมีขนาดเท่ากัน ซึ่งหมายถึงทั้ง
มีระยะเวลาในการผลิตเท่ากันหรือมีจำนวนการผลิตที่พอดีต่อความต้องการของหน่วยการผลิตถัดไป
จะต้องไม่เกิดคอคอดหรือจุดชะงักในการผลิตที่จุดใดจุดหนึ่ง
หรือถ้าเกิดแล้วต้องมีการจัดการแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงทีไม่ให้การผลิตหยุด.
ข้อดีของการผลิตแบบต่อเนื่องคือ
สามารถวางแผนการผลิตได้แม่นยำกว่าการวางแผนการผลิตแบบสั่งทำเนื่องจากสามารถคำนวณหาวเลามาตรฐานแต่ละขบวนการได้แม่นยำกว่า
อีกทั้งชนิดของผลิตภัณฑ์ไม่มาก ผลิตครั้งละนานๆ ทำให้มีเวลาเพียงพอในการเตรียมการและจัดทำมาตรฐานต่างๆ,
แรงงานก็ไม่ต้องอาศัยทักษะที่สูงมากนักยกเว้นหน่วยงานด้านเทคนิค ส่วนข้อเสียก็คือ ราคาสินค้าต่อหน่วยค่อนข้างถูก
การผลิตเมื่อเกิดงานเสียหากไม่มีการป้องกันและควบที่ดีส่วนมากจะเสียทั้ง Lot
การผลิตเนื่องจากการผลิตมีความรวดเร็วและต่อเนื่อง
การวางแผนการผลิตแบบต่อเนื่องนี้ส่วนมากจะใช้กับสายงานประกอบหรือผลิตสินค้าที่มีความต้องการสูงในตลาด
เช่น รถยนต์, เครื่องใช้ไฟฟ้า, สินค้าอุปโภคบริโภค เป็นต้น.
การเลือกใช้แผนการผลิตที่เหมาะสมนั้นไม่ได้มีมาตรฐานกำหนดตายตัว
ขึ้นอยู่กับลักษณะของผลิตภัณฑ์, ต้นทุนการผลิต, กระบวนการผลิต, เครื่องจักร
และปัจจัยการผลิตต่างๆ สุดท้ายนั้นก็จะอยู่ที่การตัดสินใจของผู้บริหาร.
หน่วยงานวางแผนการผลิต
(Production Planning Department)
หน่วยงานวางแผนการผลิตมักจะถูกจัดให้รวมอยู่กับหน่วยงานควบคุมการผลิต(Production
Control Department) เนื่องจากลักษณะของงานมีความต่อเนื่องและต้องทำควบคู่กับอยู่ตลอดเวลา
หลายๆ บริษัทจึงพบว่ามีหน่วยงาน วางแผนและควบคุมการผลิต(Production
Planning & Control) ซึ่งทำหน้าที่ตั้งแต่รับใบสั่งซื้อจากฝ่ายขายหรือประมาณการจากการพยากรณ์,
เตรียมวัสดุและอุปกรณ์ให้เพียงพอการผลิต จัดสรรปัจจัยการผลิตต่างๆ เช่น บุคลากร(Man), เครื่องจักร(Machine), วัสดุ(Material) และวิธีการทำงานและมาตรฐานต่างๆ(Method) พร้อมทั้งกำหนดระยะเวลาในการผลิตของหน่วยต่างๆ
ลงในแผนการผลิต
หลังจากนั้นก็จะมีการเผ้าติดตาม อัพเดตผลการผลิตจริงเปรียบเทียบกับการผลิตตามช่วงเวลาต่างๆ
ที่กำหนด.
หน่วยงานวางแผนการผลิต
สามารถแบ่งออกได้ตามลักษณะของงานดังนี้
1.จัดทำงบประมาณในการผลิต
ก่อนทำการผลิตต้องมีการประมาณงบประมาณ,
ต้นทุนในการผลิต เพื่อให้มั่นใจว่าต้นทุนต่างๆ
ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เตรียมการผลิตจนถึงส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้กับลูกกค้า
อยู่ภายใต้งบประมาณที่กำหนดไว้ตามสัดส่วนต่างๆ
2.กำหนดรายการวัสดุ
การกำหนดรายการวัสดุ หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า
BOM (Bill Of Material) เป็นการจัดทำรายการวัสดุที่ต้องใช้ในกระบวนการผลิต
3.วางแผนกระบวนการ
การวางแผนกระบวนการ เป็นการกำหนดกระบวนการผลิต,
ลำดับของกระบวนการต่างๆ ในการผลิต
โดยวิศวกรกระบวนการจะทำหน้าที่ในการวิเคราะห์กระบวนการต่างๆ
ให้เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์และการทำงาน เพื่อให้ประบวนการมีประสิทธิภาพสูงสุด.
4.หารายละเอียดของเครื่องจักร
รายละเอียดของเครื่องจักรมีความจำเป็นต่อหน่วยงานวางแผนการผลิตมาก เจ้าหน้าที่วางแผนการผลิตต้องรู้รายละเอียดของเครื่องจักรแต่ละเครื่องเป็นอย่างดี
เช่น มีเครื่องจักรอะไรบ้างอยู่ในโรงาน, มีจำนวนกี่เครื่อง,
กำลังการผลิตแต่ละเครื่องเท่าไหร่?, ประสิทธิภาพของเครื่องจักรแต่ละเครื่องเป็นอย่างไร
รวมไปถึงแผนการซ่อมบำรุงรักษาเครื่อง(Maintenance Plan) , ประวัติการเสียของเครื่องจักร เป็นต้น.
5.ออกแบบอุปกรณ์จับยึด
อุปกรณ์จับยึด (Jig and Fixture) เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น, เร็วขึ้น
และมีคุณภาพที่ดีขึ้น เช่น อุปกรณ์ช่วยในการปรับตั้งชิ้นงานบนเครื่องจักร,
อุปกรณ์จับยึดชิ้นงานบนเครื่องจักร.
6.การกำหนดเวลามาตรฐานในการผลิต
ในการวางแผนการผลิตจำเป็นต้องรู้เวลามาตรฐานของกระบวนการต่างๆ
ยิ่งเวลามาตรฐานแม่นยำเท่าไหร่จะทำให้สามารถวางแผนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น.
ในการกำหนดเวลามาตรฐานมีวิธีการมากมาย ตั้งแต่การจับเวลา, การประมาณเวลา,
การนำข้อมูลการผลิตที่ผ่านมามาประเมินหาเวลามาตรฐาน
7.การกำหนดตารางการผลิต
ตารางการผลิตเป็นการกำหนดระยะเวลาในการการผลิต/ประกอบในหน่วยการผลิตต่างๆ
โดยมีเวลามาตรฐานในการวางแผนควบคุม.
การจัดทำงบประมาณในการผลิต
ในการจัดทำงบประมาณในการผลิตผู้ทำจะต้องมีความเข้าในในกระบวนการและการวางแผนการผลิตเพราะว่า
งบประมาณในการผลิตหรือต้นทุนในการผลิตนั้นจะแตกต่างออกไปจากต้นทุนประเภทอื่นๆ เช่น
การซื้อมาขายไป. งบประมาณในการผลิตเป็นต้นทุนที่เกิดขึ้นตั้งแต่การรับใบสั่งซื้อมาจากลูกค้าและแผนกขาย
จะต้องมีการแจกแจงงบประมาณด้านต่างๆ ซึ่งประกอบด้วยส่วนหลักๆ คือ ต้นทุนวัสดุ
ซึ่งสามารถดูได้จากใบรายการวัสดุ (BOM), ต้นทุนด้านแรงงานโดยจะแยกออกตามกระบวนการต่างๆ
และเวลาในการผลิต เช่นเดียวกับต้นทุนด้านสาธารณูปโภค เช่น ค่าไฟฟ้า, ค่าน้ำ
ที่ใช้ในกระบวนการผลิต ที่เหลือก็จะเป็นค่าใช้จ่ายแรงงานและค่าโสหุ้ยต่างๆ.
การจัดทำงบประมาณการผลิตจะต้องทำอย่างรอบคอบเนื่องจากจะไปส่งผลต่อกำไรและราคาขายผลิตภัณฑ์
เช่น หากเราตั้งงบประมาณการผลิตต่ำกว่าต้นทุนจริงก็จะทำให้กำไรลดลงหรือขาดทุน
หากเราตั้งงบประมาณการผลิตสูงเกินไป
ราคาขายก็จะสูงขึ้นอาจจะส่งผลต่อการกำหนดราคาขายและปริมาณการสั่งซื้อของลูกค้า.
ปัญหาในการจัดทำงบประมาณในการผลิตและการแก้ไขปัญหา
แผนการผลิตที่ไม่แม่นยำส่งผลให้งบประมาณการผลิตที่ไม่คลาดเคลื่อน
โดยเฉพาะแผนการผลิตแบบสั่งทำ การแก้ปัญหาสามารถทำได้โดยปรึกษาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ
ทบทวนแผนการผลิตอยู่เสมอ
เนื่องจากบางครั้งกระบวนการผลิตมีการปรับเปลี่ยนบ่อยตามหน้างาน
รวมถึงเข้มงวดให้พนักงานบันทึกผลการปฏิบัติงานอย่างจริงจังก็จะทำให้ได้รับข้อมูลที่ใกล้เคียงกับค่าใช้จ่ายจริงมากขึ้น.
การจัดทำงบประมาณการผลิตมีความล่าช้า
เนื่องจากบางครั้งต้องรอข้อมูลจากฝ่ายวางแผนการผลิต
ซึ่งอาจจะเกิดจากเป็นงานที่มีลักษณะพิเศษทำให้การวางแผนการผลิตมีความยาก
สามารถแก้ไขปัญหาได้โดย
การจัดทำมาตรฐานของงานโดยแบ่งออกตามลักษณะของงานที่มีความใกล้เคียงกัน
ผู้ที่จัดทำงบประมาณในการผลิตก็สามารถนำงานที่มีความใกล้เคียงการมาประมาณการงบประมาณในการผลิตได้.
การคำนวณต้นทุนการผลิตสามารถดูได้จาก
http://production-cost.blogspot.com/p/blog-page_2.html
ขั้นตอนการวางแผนการผลิต
1.จัดทำแผนความต้องการของลูกค้า
(Customer Requirement Planning)
แผนความต้องการของลูกค้าเป็นขั้นตอนแรกของการวางแผนกการผลิต
ข้อมูลความต้องการของลูกค้าอาจจะได้มาจากหลายทาง เช่น จากลูกค้าโดยตรง วิธีนี้หากสามารถหามาได้จะเป็นข้อมูลที่มีความแม่นยำสูงมาก
สามารถวางแผนการผลิตได้ง่าย, ข้อมูลความต้องการของลูกค้าจากการพยากรณ์
ข้อมูลประเภทนี้ต้องมีข้อมูลสนับสนุนที่ดีพอสมควรจึงจะทำให้การวางแผนการผลิตมีความแม่นยำ
ต้องมีการวิเคราะห์ในหลายๆ รูปแบบ
ซึ่งข้อมูลแต่ละประเภทก็มีความแปรปรวนที่แตกต่างกัน
2.จัดทำแผนความต้องการวัสดุ
(Material Requirement Planning)
แผนความต้องการวัสดุหมายถึงการจัดเตรียม
จัดหา วัสดุ,ชิ้นส่วน,วัสดุกึ่งสำเร็จ รูปให้เพียงพอต่อความต้องการในการผลิต ซึ่งสามารถประมาณการได้จากประมาณการความต้องการของลูกค้า.
รายการวัสดุที่จะต้องใช้จะถูกกำหนดไว้ในบัญชีรายการวัสดุ (Bill Of Material
: BOM) ซึ่งจะระบุชนิดของวัสดุและชิ้นส่วน,
ปริมาณการใช้ต่อหน่วย รวมถึงข้อมูลที่จำเป็นอื่นๆ เช่น
ระยะเวลาในการจัดส่งจากซัพพลายเออร์ กรณีที่มีการสั่งซื้อจากภายนอก,
กำลังการผลิตภายในสำหรับกรณีที่ชิ้นส่วนเอง
ซึ่งข้อมูลทั้งหมดต้องมีความชัดเจนทั้งด้านปริมาณและระยะเวลาส่งมอบ.
3.วางแผนการผลิต
(Production Planning)
หลังจากที่ได้แผนความต้องการของลูกค้าและมีการเตรียมการวัสดุให้เพียงพอแล้ว
ก็จะทำการวางแผนการผลิต. ซึ่งมีขั้นตอนหลักๆ ดังต่อไปนี้
3.1วางแผนกระบวนการ
(Process Planning)
การวางแผนกระบวนการเป็นกำหนดกระบวนการและลำดับในการผลิต.
กระบวนการที่ดีต้องเป็นกระบวนการที่สั้นที่สุดซึ่งหมายถึงใช้เวลาในการผลิตจนกระทั่งออกมาเป็นสินค้าสำเร็จรูปน้อยที่สุด.
3.2วางแผนการเครื่องจักร
(Machine Planning)
ในกระบวนการผลิตที่ต้องใช้เครื่องหลักเป็นหลักจำเป็นต้องมีการใช้เครื่องจักรให้เกิดประโยชน์สุงสุด
ตามทฤษฎีแล้วเครื่องจักรต้องทำงาน 24 ชั่วโมงทุกวัน หรือไม่มีการหยุดทำงานเลย
แต่ในการทำงานจริง เวลาสูญเสียของเครื่องจักรมีหลายอย่าง เช่น
หยุดเพื่อปรับตั้งชิ้นงาน, หยุดเพื่อซ่อมแซม, หยุดเพราะไม่มีงานป้อน,
หยุดเพื่อตรวจสอบชิ้นงาน เป็นต้น.
3.3วางแผนด้านแรงงาน
(Man Planning)
การวางแผนการแรงงานจะคล้ายๆ
กับการวางแผนการใช้เครื่องจักร คือ
ต้องให้กระบวนการทำงานอย่างต่อเนื่องให้มากที่สุดแต่ทั้งนี้ต้องอย่าลืมกฎหมายด้านแรงงานที่กำหนดเวลาในการทำงาน
การพักที่ชัดเจน ดังนั้น การวางแผนด้านแรงงานจึงยากกว่าการวางแผนเครื่องจักรหลายเท่าตัว.
3.4การวางแผนการจัดเก็บ
(Store Planning)
การวางแผนการจัดเก็บ
หมายถึงการวางแผนในการควบคุมวัสดุคงคลังให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมซึ่งหมายถึงมีเพียงพอต่อการใช้งานและไม่สูงเกินไปภายใต้ระดับที่กำหนด.
การวางแผนการจัดเก็บนี้รวมถึง การวางแผนการจัดเก็บสินค้าในระหว่างผลิต,
สินค้ากึ่งสำเร็จรูป, สินค้าสำเร็จรูป.
ความสัมพันธ์ระหว่างการวางแผนและการควบคุมการผลิตกับหน้าที่อื่นๆ
ในบริษัท
หน้าที่การวางแผนการผลิตและการควบคุมการผลิตจะเป็นตัวเชื่อมประสานงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ
ในบริษัท เพื่อสำหรับวางแผนการดำเนินงานและการให้แผนการผลิตต่างๆ ประสบผลสำเร็จ
โดยลำพังในหน่วยงานของตัวมันเองแล้วไม่อาจจะดำเนินการใดๆ ๆได้
นอกจากนี้จะได้รับการสนับสนุนจากหน้าที่อื่นๆ เช่น ฝ่ายขายหรือฝ่ายการตลาด,
ฝ่ายวิศวกรรมการผลิต, วิศวกรรมอุตสาหการ, ฝ่ายผลิต
ความสัมพันธิระหว่างการวางแผนการผลิตและควบคุมการผลิตกับหัวหน้าฝ่ายอื่นๆ นั้น
พอจะสรุปได้ดังนี้
1.ความสัมพันธ์กับฝ่ายขายหรือการตลาด
การวางแผนและควบคุมการผลิต
จำทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างฝ่ายผลิตกับฝ่ายขาย ดังนั้น
ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบจะต้องมีความความคุ้นเคยและเข้าใจในตัวสินค้าและลูกค้าเป้นอย่างดี
เพื่อที่ได้ให้ความช่วยเหลือฝ่ายขายในเรื่องของการกำหนดระยะเวลาในการจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าหรือทำการวางแผนการผลิตเพื่อผลิตสินค้าคงคลังให้อยู่ในระดับที่เพียงพอกับความต้องการของลูกค้าอยู่ตลอดเวลา.
2.ความสัมพันธฺกับหน่วยงานวิศวกรรมการผลิต
ผู้ที่รับผิดชอบในแผนกวางแผนการผลิตและควบคุมการผลิต
อาจะไม่จำเป็นต้องรู้รายละเอียดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานวิศวกรรมหรือความรู้ทางด้านเทคนิคมากนัก
เพราะหน่วยงานวิศวกรรมการผลิตจะเป้นฝ่ายกำหนดวิธีหรือกระบวนการผลิตสำหรับผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดหรือตามใบสั่งทำจากลูกค้า
ในทางตรงกันข้าม แผนกวางแผนการผลิตและควบคุมการผลิตอาจจะให้ข้อมูลต่างๆ
ในเรื่องของเวลาทำงานจริงกับหน่วยงานวิศกรรมการผลิตเพื่อใช้ในการตัดสินใจในการการเลือกวิธีและกระบวนการที่ดีที่สุดสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ
หรืองานสั่งทำใหม่อันจะนำมาซึ่งการปรับปรุงวิธีการผลิตที่ใช้อยู่ในปัจจุบันให้ดีขึ้น.
ในโรงงานผลิตขนาเล็ก
อาจจะไม่มีความจำเป็นต้องมีหน่วยงานวิศกรรมการผลิตก็ได้
ทั้งนี้เนื่อวจากว่าปริมาณการสั่งทำอาจมีจำนวนไม่มากนัก ดังนั้น
ผู้จัดการฝ่ายผลิตจึงมีหน้าที่เป็นผู้กำหนดกระบวนการผลิตเอง
กรณีที่เป็นการผลิตแบบต่อเนื่อง กระบวนการผลิตมักจะถูกกำหนดเป็นแบบสายงานผลิตภัณฑ์(Production
Line) ไว้เรียบร้อยก่อนที่จะมีการจัดตั้งโรงงาน
จึงไม่จำเป็นเป็นต้องมีหน่วยงานนี้คอยรับผิดชอบ
แต่สำหรับการผลิตที่เป็นแบบตามสั่งซึ่งไม่อาจกำหนดกระบวนการไว้ก่อนล่วงหน้าได้ทั้งนี้เนื่องจากความแตกต่างในเรื่องของลักษณะงาน
ขั้นตอนการดำเนินงาน ดังนั้น
หน่วยงานวิศวกรรมการผลิตจึงมีความสำคัญและจำเป็นที่จะต้องมีไว้เพื่อทำหน้าที่เกี่ยวกับการจัดทำรายการวัสดุ
(Bill Of Material : BOM) การจัดลำดับขั้นตอนการดำเนินงานในแต่ละงานสั่งทำ
หลังจากนั้นจึงเป็นหน้าที่ของหน่วยงานวางแผนการผลิตและควบคุมการผลิตที่จะต้องรับผิดชอบในเรื่องของการจัดหาวัสดุเพื่อให้พอต่อความต้องการ
การกำหนดเวลาในการสั่งซื้อและรับวัสดุ การกำหนดภาระบนเครื่องจักรในแต่ละช่วงเวลาและภาระงานเร่งด่วนที่แทรกเข้ามาและกำลังคนที่มีอยู่ในโรงงาน
เมื่อได้มีการตกลงและยอมรับงานสั่งทำใดๆ
แผนกการวางแผนการผลิตและควบคุมการผลิตก็จะใช้รายการวัสดุและลำดับขั้นตอนการทำงานมาจัดทำแผนการผลิตและตารางการผลิตต่อไป
3.ความสัมพันธ์กับหน่วยงานวิศวกรรมอุตสาหการ
ในธุรกิจอุตสาหกรรมที่มีขนาดใหญ่
จะมีกลุ่มวิศวกรรมอุตสาหการรับผิดชอบในด้านงานต่างๆ เช่น
วิศวกรบางคนอาจจะรับผิดชอบเกี่ยวกับการวิจัย
ปรับปรุงวิธีการเพื่อให้ได้ผลผลิตที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่คนอื่นๆ
อาจจะรับผิดชอบในเรื่องของการควบคุมต้นทุน
เพื่อหาประสิทธิผลของการควบคุมค่าใช้จ่าย
โดยทำการเปรียบเทียบต้นทุนจริงกับต้นทุนมาตรฐานที่ได้กำหนดไว้
นอกเหนือจากหน้าที่ที่ได้กล่าวมาแล้ว การกำหนดเวลามาตรฐานสำหรับคนงานหรือเครื่องจักรก็เป็นหน้าที่หลักอีกอย่างหนึ่งที่อยู่ในความรับผิดชอบของวิศวกรรมอุตสาหการ
การวางแผนการผลิตและการควบคุมการผลิตจะต้องทำงานอย่างใกล้ชิดกับวิศวกรรมอุตสาหการในเรื่องการจัดเตรียมแผนภูมิภาระงานและตารางการผลิตสำหรับขั้นตอนการดำเนินการต่างๆ
ในธุรกิจอุตสาหกรรมขนาดเล็กและขนาดกลางไม่มีการจัดตั้งแผนกวิศวกรรมอุตสาหการขึ้นมาทำหน้าที่ต่างๆ ของวิศวกรอุตสาหการ
จะตำอยู่ในความรับผิดชอบของผู้จัดการฝ่ายผลิต
หรือในบางโรงงานก็มีวิศวกรอุตสาหการประจำการอยู่ก็จะได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ทั้งศึกษาเวลาและกะประมาณราคา
แต่ถ้าเป็นโรงงานที่ไม่มีแม้แต้ผู้ที่ทำการศึกษาเวลาอยู่เลย
หน้าที่ดังกล่าวจะตกอยู่ในความรับผิดชอบของแผนกการวางแผนการผลิตและควบคุมการผลิตที่จะต้องกำหนดเวลามาตรฐานขึ้นมาโดยอาศัยข้อมูลเวลาการทำงานจริงจากใบรายงานการผลิต
เพื่อนำไปจัดทำตารางการผลิตแต่ละขั้นตอนการดำเนินงาน นอกจากนั้น
แผนกการวางแผนการผลิตและควบคุมการผลิตอาจจะถูกร้องขอให้ทำรายงานเกี่ยวกับการหาประสิทธิผลในการควบคุมต้นทุนนอกเหนือจากงานในหน้าที่ต่างๆ
ดังที่กล่าวมาแล้ว.
4.ความสัมพันธ์กับหัวหน้างานฝ่ายผลิต
หน่วยงานวางแผนการผลิตและควบคุมการผลิต
โดยทั่วๆ ไป จะเสนอรายงานตรงต่อผู้จัดการฝ่ายผลิต
สำหรับในกรณีที่มีการพัฒนาแผนการผลิต
ผู้รับผิดชอบในการวางแผนการผลิตอาจจะขอความเห็นจากหัวหน้างานฝ่ายผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องเกี่ยวกับกระบวนการผลิตที่ต้องใช้เทคโนโลยีสูงๆ
เช่น การหล่อโลหะ เป็นต้น
ทั้งนี้เพื่อขจัดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นเนื่องจากความไม่เข้าใจกันในเรื่องของวัตถุประสงค์
และลำดับขั้นตอนของการวางแผนการผลิตที่ได้ปรับปรุงใหม่หรือเปลี่ยนแปลงใหม่
ในการควบคุมการผลิต
หน่วยงานวางแผนและควบคุมการผลิต จะยึดถือรายงานตามที่ได้รับเข้ามาในแต่ลัวนหรือสัปดห์
จากหน่วยผลิตต่างๆ และจะสรุปผลออกมาเพื่อดูว่ามีงานไหนบ้างที่จำเป็นต้องมีการติดตาม
หรือว่างานของหน่วยงานใดที่จะต้องเร่งทำให้เสร็จโดยเร็ว
ต่อจากนั้นจึงจทำรายงานเสนอต่อไปยังผู้จัดการฝ่ายผลิต ฝ่ายขาย
และผู้บริหารระดับสูง เพื่อให้ได้รับทราบถึงสถานะต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลา.
เพื่อให้การวางแผนและควบคุมการผลิต
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพในเชิงปฏิบัติ จึงน่าที่จะได้มีความร่วมมือร่วมใจกันทั้งฝ่ายวางแผนและฝ่ายปฏิบัติการ
กล่าวคือ
ฝ่ายวางแผนการผลิตมีหน้าที่ให้ความช่วยเหลือในด้านการวางแผนและประสานงานซึ่งเป็นหน้าที่ปกติอยู่แล้ว
ส่วนเรื่องการควบคุมการปฏิบัติงาจริง จะอยู่ในความรับผิดชอบของหัวหน้าฝ่ายผลิต
เพราะเป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับงานและผู้ปฏิบัติงาน
ซึ่งจะรู้ถึงปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี
และสามารถให้ความเห็นหรือแนวคิดในการปรับปรุงให้การควบคุมการผลิตมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
อันจะเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานวางแผนการผลิตและควบคุมการผลิต ดังนั้น
ความร่วมกันเป็นอย่างดีระหว่างสองหน่วยงานนี้ ย่อมจะก่อให้เกิดประโยชน์ไม่เพียงแต่การวางแผนการผลิตและการควบคุมการผลิตเท่านั้น
แต่ยังมีผลในด้านจิตวิทยาต่อการยอมรับจากหัวหน้างานที่มีต่อแผนต่างๆ อีกด้วย.
ดีมากเลยครับ ขอแชร์นะครับ
ReplyDelete